สแตนเลสแบนคืออะไร เหมาะกับการใช้งานอะไร
สแตนเลสแบนคืออะไร เหมาะกับการใช้งานอะไร
วัสดุประเภทสแตนเลสมักถูกนำมาประยุกต์ใช้ในงานหลากหลายประเภท
จากเดิมที่ทำเพื่อทดแทนวัสดุหลักอย่างพวกเหล็กหรืออลูมิเนียม แต่ด้วยคุณสมบัติที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้สูง
ไม่เป็นสนิม และดัดแปลงรูปทรงได้ง่าย
จึงทำให้สแตนเลสกลายมาเป็นวัสดุหลักที่ได้รับความนิยมในการเลือกใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่งผลให้มีการผลิตสแตนเลสสำเร็จรูปเพื่อรองรับตลาดหลายประเภท
ซึ่งประเภทที่ใช้งานบ่อยที่สุดก็คือ “สแตนเลสแบน” หรือเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Stainless Flat Bar
สแตนเลสแบนคืออะไร
สแตนเลสแบนคือสแตนเลสที่ผลิตออกมาในรูปแผ่นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบยาว
มีขนาดของหน้ากว้างและความหนาแตกต่างกันไป ขนาดหน้ากว้างที่พบได้บ่อยคือ ½ นิ้ว ¾ นิ้ว 1 นิ้ว 1 ¼
นิ้ว 2 นิ้ว 4 นิ้ว 6
นิ้ว เป็นต้น ความหนาจะอยู่ที่ประมาณ 3 – 9
มิลลิเมตร และความยาวของแต่ละท่อนประมาณ 2.5
– 3 เมตร
อย่างไรก็ตามขนาดเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการทั้งหมด
เพียงแต่ว่าหากเป็นขนาดที่แตกต่างไปจากมาตรฐานในท้องตลาดค่อนข้างมาก อาจจะต้องมีปริมาณในการสั่งผลิตเยอะพอสมควร
โดยนอกจากเรื่องของขนาดแล้วก็ยังมีเกรดของสแตนเลสให้เลือกใช้งานอีก เกรดที่นิยมก็จะมีเกรด
304 เกรด 316 และเกรด 430
ซึ่งเกรดของสแตนเลสนี่เองที่จะบอกได้ว่าสแตนเลสแบนชิ้นนั้นเหมาะกับงานประเภทใด
เช่น เกรด 304
ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ได้ ทำถังน้ำ เครื่องมือแพทย์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า
เป็นต้น ส่วนเกรด 316 จะใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมต่อเรือ
หรืองานปิโตรเคมี เป็นต้น
ภาพรวมของการใช้งานสแตนเลสแบน
เมื่อมองในภาพรวมของสแตนเลสแบนจะสามารถนำไปใช้งานได้ในวงกว้างมาก
หากไม่ปรับเปลี่ยนรูปทรงก็สามารถนำไปเชื่อมต่อกันเป็นส่วนตกแต่งภายนอกอาคารได้ อย่างเช่นราวระเบียงหรือลานอเนกประสงค์
เป็นต้น
แต่ส่วนมากมักจะต้องนำไปผ่านการกลึงหรือตัดแต่งเสียก่อน
เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะงานที่ต้องการแบบเฉพาะเจาะจงจริง ๆ เช่น
การทำชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องจักร งานปั๊มขึ้นรูป เครื่องประดับตกแต่ง และข้าวของเครื่องใช้ต่าง
ๆ เป็นต้น ถือว่าเป็นวัสดุสารพัดประโยชน์ที่รองรับเนื้องานได้ตั้งแต่งานเล็ก ๆ ซึ่งต้องการความละเอียดไปจนถึงงานหนัก
ๆ ที่ต้องรับแรงมหาศาล
นั่นหมายความว่าสแตนเลสแบนก็มีคุณสมบัติไม่ต่างอะไรกับการหลอมสแตนเลสเพื่อขึ้นรูปทั่วไป
แต่มันเป็นการเตรียมวัสดุให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ลดขั้นตอนบางอย่าง ช่วยให้คนที่ปฏิบัติหน้างานสามารถหยิบใช้ได้ทันทีคล้ายกับไม้ท่อนที่ผ่านการตัดแต่ง
ไสหน้าไม้ และคัดเกรดของเนื้อไม้ไว้ให้แล้วนั่นเอง
ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง รวมทั้งยังเป็นการควบคุมคุณภาพของวัสดุในหน้างานให้เป็นไปตามข้อกำหนดได้ง่ายอีกด้วย